SUPER PRODUCTIVE ด้านการเงิน ตอนที่ 1 : DREAM → YEAR → MONTH → DAY
26/01/2020สถานการณ์การลงทุน และแนวทางการจัดการ ณ 18 ก.พ. 63
18/02/2020เชื่อว่าหลายๆ ท่าน น่าจะเคยได้ยินหรือได้อ่านหนังสือชื่อ “ชีวิตดีขึ้นทุกๆ ด้าน ด้วยการจัดบ้านแค่ครั้งเดียว” กันมาบ้าง
ฟังดูเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อนะคะว่าชีวิตจะดีขึ้นได้อะไรขนาดนั้น เพียงแค่จัดบ้านนี่นะ ?
เครดิต : รูปหน้าปกหนังสือ จากร้านหนังสือ SE-ED.com.
หนังสือเล่มนี้แต่งขึ้นโดยคุณคนโดะ มาริเอะ (Kondo Marie) ซึ่งเป็นผู้ที่ชื่นชอบการจัดบ้านอย่างมาก จนพัฒนาไปสู่การทำธุรกิจรับจัดระเบียบบ้าน และได้แต่งหนังสือเล่มดังกล่าวออกมาจนเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลาย
ถึงขั้นที่นิตยสาร TIME จัดให้เธอเป็น 1 ใน 100 บุคคล ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกประจำปี 2015
หลักการจัดบ้านแบบคมมาริ (Konmari)
เนื้อหาในหนังสือพูดถึง หลักการจัดบ้านแบบคมมาริ (Konmari) ซึ่งพูดถึงหลักและวิธีการในการคัดแยกสิ่งของ โดยเฉพาะประเด็นของการเลือกของที่จะเก็บ และการเลือกของที่จะทิ้งหรือคัดออก
โดยมีความพิเศษคือจะไม่ใช่การมุ่งคัดสิ่งของออก แต่จะเป็นการเลือกสิ่งของที่มีคุณค่าและสร้างความสุขเก็บเอาไว้
เพราะในทางจิตวิทยานั้น การต้องทิ้งอะไรมักทำให้เรารู้สึกแย่ การที่เปลี่ยนโฟกัสไปเลือกเก็บสิ่งที่เรามีความรู้สึกดีกับมันเอาไว้ จะเกิดความสุขขึ้นภายในใจมากกว่า
ส่วนสิ่งที่ถูกคัดออกนั้น เราก็จะปฏิบัติต่อมันด้วยความเคารพ เพื่อเป็นการสื่อสารทำความเข้าใจกับตนเอง ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่สามารถเก็บสิ่งของเหล่านั้นไว้ได้ ซึ่งจะส่งผลเป็นความโล่งใจ ทำให้ไม่รู้สึกค้างคาในภายหลัง
หลักการในหนังสือนั้น มีรายละเอียดค่อนข้างมาก ถ้าอ่านเพียงอย่างเดียว ก็จะดูเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ ว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปด้วยการจัดบ้านเพียงครั้งเดียวได้จริงเช่นนั้นหรือ
การลงมือทำเท่านั้น จะเป็นหนทางเดียวที่จะตอบคำถามนี้ได้
ซึ่งหากใครได้ลองทำอย่างจริงจังแล้ว จะเข้าใจว่ากระบวนการในการจัดบ้านแบบคมมารินั้น กระตุ้นให้เกิดการคิดและตัดสินใจ ที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
สิ่งที่เหลืออยู่จะเป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ
บ้านขนาดเท่าเดิม แต่จะมีพื้นที่มากขึ้น
เมื่อบ้านโล่ง สะอาด สบายตา ก็จะทำให้เกิดความสบายใจ ซึ่งเป็นความสุขแบบเรียบง่าย ความต้องการในชีวิตก็จะน้อยลงตามตามลำดับ
ถ้าเราจัดการเงิน… เหมือนจัดการบ้านบ้างล่ะ ?
หัวใจสำคัญลำดับแรกๆ ในการจัดการเงินก็คือ การจ่ายออกให้น้อยกว่าการรับเข้า ซึ่งจะทำให้มีเงินเหลือ
เมื่อมีเงินเหลือก็จะสามารถนำเงินนั้นไป จัดสรรเพื่อวางแผนการเงินในลำดับถัดไปได้
การจ่ายออกที่น้อยลงมากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้มีเงินเหลือเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ซึ่งมันจะเกี่ยวกับเรื่องการจัดบ้านตรงนี่ล่ะค่ะ
เพราะเมื่อจัดบ้านเสร็จ เราจะเริ่มไม่ค่อยอยากจะสะสมส่วนเกินในชีวิตเข้ามาอีก มันจะทำให้เราเริ่มหยุดคิดว่า
สิ่งที่กำลังจะซื้อหามานั้น เป็น “ความอยากได้” หรือเป็น “ความจำเป็น”
การหยุดคิดนี่แหละ คือ “สติในการใช้จ่าย” และถ้าทำตามแนวทางคมมาริ มันไม่ใช่การเอะอะก็ตัดค่าใช้จ่ายนั้นทิ้ง หรือประหยัดจนเป็นทุกข์
แต่มันคือการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ว่าสิ่งนั้นมีคุณค่าและสร้างความสุขอย่างแท้จริงให้กับตัวเราหรือไม่ ?
- จำเป็นหรือไม่ที่เราต้องซื้อรถรุ่นใหญ่ๆ ทั้งๆ ที่เราใช้งานแค่ในเมือง
- จำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางมากมาย มากจนใส่ไม่หมด จนใช้ไม่ทันต้องทิ้ง
- โทรศัพท์มือถือ จำเป็นหรือไม่ที่ต้องใช้รุ่นท๊อปแบรนด์ดัง หรือต้องเปลี่ยนใหม่ ทุกๆ ครั้งที่มีรุ่นใหม่ออกมา
- ของแต่งบ้าน ของสะสมต่างๆ จำเป็นจริงๆ หรือไม่ หากเราจะแทบไม่ได้ใช้มันเลย
- ฯลฯ
บทสรุป
การลด ละ เลิก สิ่งที่ไม่จำเป็นอย่างแท้จริง นอกจากจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายลงและทำให้มีเงินเก็บมากขึ้นแล้ว ก็ยังเป็นการลดขยะ เป็นการช่วยโลกของเราอีกทางหนึ่ง
หากทำได้ก็น่าจะนำมาซึ่งชีวิตที่เรียบง่าย ทำให้เรามีการใช้จ่ายตามจำเป็นและสมควร ซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการต่อยอด เพื่อวางแผนทางการเงินให้มีความมั่นคง และพัฒนาต่อยอดได้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
และโปรดอย่าเข้าใจผิดนะคะ ว่าแนวคิดเช่นนี้ เป็นการต่อต้านการพัฒนา หรือเป็นแนวคิดที่ความหรูหราสุขสบายเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะมันไม่ใช่อย่างนั้น
มันเป็นเพียงแนวคิด ที่ช่วยสร้างอุปนิสัย ให้เราหมั่นถามคำถามตัวเองด้วยสติปัญญาอย่างยิ่งยวดว่า
สิ่งที่กำลังจะจ่ายออกไปนั้น มันมีคุณค่าและสร้างความสุขให้กับตัวเรา อย่างแท้จริงแล้วหรือไม่ ?
เพราะหลายๆ ครั้ง เมื่อ “หยุด” และ “ตอบคำถามนี้ด้วยสติ” ก็อาจจะพบว่าคำตอบนั้นคือ “ไม่ใช่” เราก็จะได้ไม่ต้องจ่ายออกไป และทำให้ชีวิตหนักขึ้นโดยไม่จำเป็น
เมื่อทำจนเป็นนิสัยแล้ว เราก็น่าจะเป็นคนที่รู้จักและเข้าใจตนเอง สามารถมีความสุขได้ในแบบที่อาจจะไม่มีใครอื่นเขาเข้าใจ เป็นชีวิตมินิมอลในแบบของเรา ที่มีความสุขแบบอมยิ้มเล็กๆ ไปได้ ตลอดการเดินทางบนโลกใบนี้
หากอยากรู้ว่าทำแล้วดีจริงหรือไม่ จะเริ่มจากการจัดบ้านตามแนวที่คุณคนโดะ มาริเอะ เขียนไว้ในหนังสือก่อนก็ได้นะคะ เชื่อว่ามันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีบางอย่าง และส่งผลมาถึงเรื่องการจัดการเงินด้วยในที่สุดค่ะ